สมุนไพรมีหลายชนิด
สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ
เช่น ดอกกระเจี๊ยบ,
ดอกเก๊กฮวย, ชะเอม, ขิง, มะนาว,
ส้ม, โคคา, ใบเตย,สเตอเบอรี่,
เชอรี่, มะตูม ฯลฯ
ลูกอมที่ดีและมีคุณภาพสูง
จะต้องผลิตจากสมุนไพรโดยตรง
โดยไม่ใช้กลิ่นและสีสังเคราะห์
ซึ่งอาจจะมีอันตรายต่อผู้บริโภค
การผลิตลูกอมที่ใช้สมุนไพร
จึงมีราคาแพงกว่าลูกอมตามท้องตลาดโดยทั่ว
ๆ ไป
วิธีการเตรียมสมุนไพรนั้น
แต่ละชนิดจะใช้กรรมวิธีที่แตกต่างกันออกไป
ในที่นี้จะแยกเป็น 2 กลุ่ม
1.
กลุ่มชนิดที่ใช้ดอกและผลแห้ง
ตลอดจนกลุ่มที่ใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของลำต้น
เช่น กระเจี๊ยบ, ชะเอม, เก๊กฮวย,
ขิง ฯลฯ
หลักการที่ใช้เตรียมสมุนไพร
ใช้วิธีการต้มไฟอ่อน ๆ
โดยอาจจะใช้สมุนไพร 1 ส่วน
ผสมน้ำสะอาด 1 ส่วน
ต้มให้เดือดเบา ๆ จนได้น้ำ, รส,
กลิ่น, สี,
คุณสมบัติของสมุนไพรนั้น ๆ
พยายามเคี่ยวให้ได้ความเข้มข้นมากที่สุด
จะได้สมุนไพรเข้มข้นที่จะนำไปใช้ผลิตลูกอมรสสมุนไพรต่อไป
จำเป็นต้องทำวันต่อวัน
เพราะน้ำสมุนไพรเข้มข้นที่ได้เก็บเอาไว้ได้ไม่เกิน
1 วัน ถ้าเกินอาจจะเสียได้
หรือถ้าจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้นาน
ๆ
อาจจะแช่แข็งในห้องฟรีซของตู้เย็น
น้ำสมุนไพรที่ได้
ควรกรองให้สะอาดปราศจากกากและตะกอน
2. กลุ่มชนิดที่ใช้น้ำของผล
เช่น มะนาว, ส้ม
สมุนไพรกลุ่มนี้ต้องถนอมคุณภาพของสารอาหารและวิตามินในธรรมชาติเอาไว้
จะใช้วิธีการต้มไม่ได้
วิธีที่ง่าย ๆ
คือคั้นเอาน้ำออกมาด้วยมือหรือเครื่องคั้น
เมื่อได้น้ำของผลไม้เป็นจำนวนมากพอแล้ว
จึงทำการอบให้แห้งด้วยเครื่องอบแห้งระบบสูญญากาศ
จะได้ผลของพืชชนิดนั้น ๆ
ตามต้องการ
การใช้เครื่องอบสูญญากาศ
อาจจะเป็นการลงทุนสูงเกินไป
อาจใช้วิธีการใช้ความร้อนก็ได้
แต่เป็นความร้อนที่ไม่มากนัก
เช่น
อบในตู้อบความร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน
70 องศา
น้ำในน้ำของสมุนไพรจะระเหยออกไปจนเกือบแห้ง
นำน้ำสมุนไพรที่เข้มข้นไปใช้ผลิตเป็นลูกอมได้ต่อไป
ขั้นตอนการผลิตลูกอม
1.
ต้มน้ำให้เดือด
จากนั้นลดความร้อนลงทันที
ค่อย ๆ เทน้ำตาลลงไป
กวนให้ค่อย ๆ ละลาย
ขณะนี้ไฟจะอ่อนมาก
ถ้าเป็นเตาแก๊สให้หรี่เปลวไฟให้เหลือน้อยที่สุด
ถ้าเป็นเตาไฟฟ้าปรับไฟที่อุณหภูมิเกือบเดือด
คือ
ช่วงนี้จะใช้ความร้อนต่ำมาก
ถ้าใช้ความร้อนสูงน้ำตาลจะไหม้
2. หลังจากน้ำตาลละลายหมดแล้ว
จึงเติมกลูโคสไซรัปลงไป ค่อย
ๆ กวนจนเข้ากันดี
สุดท้ายจึงเติมสมุนไพรเข้มข้นลงไป
เมื่อเข้ากันดีแล้วจะเป็นจังหวะที่น้ำที่ใส่ไปในครั้งแรกจะระเหยไปเกือบหมด
กะให้น้ำระเหยออกไปหมด
จึงรีบเทส่วนผสมนี้ลงไปในแบบพิมพ์ทันที
ลักษณะของแบบพิมพ์
จะทำด้วยทองเหลือง
มีขนาดกว้างประมาณ 1 ซม.
สูงประมาณ 1 ซม. ความยาวประมาณ 40
ซม.หรือสั้นกว่านี้
ออกแบบแบบพิมพ์ให้แกะออกมาได้
เพื่อแกะลูกอมที่แห้งและแข็งแล้วออกมาได้ง่าย
ลูกอมที่แข็งจะมีความยาว
จำเป็นต้องใช้เลื่อยไฟฟ้าหรือเลื่อยตัดขนมปัง
ตัดออกมาเป็นท่อน ๆ
ได้ลูกอมตามขนาดที่ตัดตามต้องการ
ถ้าทำจำนวนมาก ๆ
อาจจะนำลูกอมที่หล่อเป็นแท่งยาวหลาย
ๆ
แท่งมาประกบกันแล้วเลื่อยด้วยเลื่อยไฟฟ้า
ครั้งละได้หลาย ๆ ท่อน
เป็นการประหยัดพลังงาน
ลูกอมที่ได้จะแข็งเปราะ
ถ้ากะระยะยกลงจากเตาได้ถูกต้องแล้ว
ลูกอมที่ได้จะแทบไม่มีน้ำผสมอยู่ด้วยทำให้ไม่ต้องใช้วัตถุกันเสียแต่อย่างใด
ลูกอมจะเก็บไว้ได้นานไม่เสีย
การเก็บควรใส่กระป๋องที่มีฝาปิดมิดชิด
เก็บได้หลายปี
การปรับปรุงสูตร
ถ้าต้องการความเย็นให้เติมเมนทอลลงไปด้วยประมาณ
0.1-1% ใส่พร้อมกับสมุนไพร
ทำให้เย็นชุ่มคอลักษณะของเมนทอลจะเป็นเกร็ดใส
ถ้าต้องการความเข้มข้นของรสชาด
อาจจะเติมกรดซิตริกลงไปด้วย
0.1% กรดซิตริก
เป็นกรดส้มไม่มีอันตรายต่อผู้บริโภค
แต่ต้องไม่ใส่มากเกินไปจะเปรี้ยวมาก
ถ้าต้องการความเผ็ดเล็ก ๆ
น้อย ๆ
อาจเติมเป๊ปเปอร์มิลท์ลงไป
0.1-0.5%
อัตราส่วนผสมอาจจะเปลี่ยนแปลงได้แล้วแต่ความเหมาะสม
ขึ้นอยู่การทดลองและวิเคราะห์กลุ่มผู้บริโภคว่าต้องการรสชาดแบบไหน
ในการผลิตลูกอมของผู้ผลิตบางราย
อาจไม่ใช้สมุนไพร
แต่ใส่สีผสมอาหาร
และกลิ่นผสมอาหารลงไปก็ได้ลูกอมเช่นกัน
แต่เป็นลูกอมที่อาจจะไม่ให้คุณค่ากับร่างกาย
หลักการในการทำการตลาดของลูกอมสมุนไพร
จะต้องเจาะตลาดบน
กลุ่มผู้บริโภคจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีรายได้ค่อนข้างดี
เพราะราคาจะแพงพอสมควร
อาจจะบรรจุกระป๋องหรือกล่องกระดาษที่ออกแบบให้ดูสวยงามมีคุณค่า
เห็นแล้วน่าซื้อ
จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ในช่วงเริ่มต้นอาจจะทำเล็ก ๆ
ไปก่อน โดยอาจจะผลิตด้วยมือ
เน้นที่ความสะอาด
เน้นที่คุณค่าของสมุนไพร
นำเสนอให้ผู้บริโภคเข้าใจในเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของผู้ผลิต
ที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อธุรกิจก้าวหน้า
มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงค่อย ๆ
ขยายกำลังการผลิตออกไปให้ใหญ่โตขึ้น
อาจจะระดับประเทศและระดับโลก
มีลูกอมหลายยี่ห้อในโลกนี้
สามารถทำการตลาดได้ทั่วโลก
มียอดขายมหาศาล
ซึ่งเป็นไปได้ที่คนไทยเราอาจจะค้นคว้าสมุนไพรไทย
ๆ ที่อร่อย รสชาดดี
มีคุณค่ากับร่างกายสูงกว่า
ผลิตลูกอมทำการตลาดได้ในระดับโลกในอนาคต
|